การใช้งานระบบ RFID (Radio Frequency Identification) ในประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดการรบกวนกับระบบไร้สายอื่น ๆ ที่มีอยู่เดิม บทความนี้สรุปแนวทางเบื้องต้นเกี่ยวกับขอบเขตการใช้งาน RFID ตามกฎหมายไทย รวมถึงข้อกำหนดด้านคลื่นความถี่ กำลังส่ง มาตรฐานเทคนิค และข้อควรระวังเมื่อติดตั้งในอาคาร เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวางแผนและดำเนินการติดตั้งระบบ RFID อย่างเหมาะสม
1. ขอบเขตการใช้งาน RFID ตามกฎหมายไทย (NBTC)
ระบบ RFID ที่จะใช้ต้องทำงานภายในคลื่นความถี่ที่ กสทช. (NBTC) กำหนดเท่านั้น ได้แก่:

2. คลื่นความถี่ 920-925 MHz: เหมาะสำหรับตั้งสถานี RFID ในอาคาร
รายละเอียดสำหรับ 920-925 MHz คือ:
หมายเหตุ: e.i.r.p. = พลังงานที่ส่งออกจริงเทียบกับเสาอากาศมาตรฐานไอโซทรอปิก
3. มาตรฐานเทคนิคเครื่อง RFID ที่ต้องปฏิบัติ
เครื่องต้องผ่านมาตรฐาน เช่น

- FCC Part 15.247 หรือ 15.249 (มาตรฐานอเมริกา)
- ETSI EN 302 208 (มาตรฐานยุโรป ที่ครอบคลุมการใช้งาน 920–925 MHz ได้)
เครื่องต้องมีการทดสอบความปลอดภัย
- IEC 60950-1 หรือ มอก. 1561-2556 สำหรับความปลอดภัยไฟฟ้า
- มาตรการจำกัดการแผ่รังสีคลื่นวิทยุเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์

4. การรับรองมาตรฐาน (Certification)
- หากใช้เครื่องกำลังส่ง ≤ 50 mW e.i.r.p.
ใช้แบบ SDoC (Supplier’s Declaration of Conformity) — ไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติม แค่ต้อง แสดงความสอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนด
- หากใช้เครื่องกำลังส่ง > 50 mW e.i.r.p. ถึง 4W
ต้องขอใบอนุญาตประเภท ก จาก กสทช.
5. ข้อควรระวังเมื่อติดตั้งในอาคาร
- ต้องควบคุมกำลังส่งไม่ให้เกินกว่าค่าที่กำหนด เพื่อไม่ไปรบกวนระบบไร้สายอื่น (เช่น Wi-Fi, Bluetooth)
- ถ้าใช้หลายเสาพร้อมกัน ต้องออกแบบการวางแผนความถี่ (Frequency Planning) ให้ดี ป้องกันการกวนสัญญาณกันเอง (Interference)
- ต้องติดตั้งในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (ระยะห่างจากจุดที่มีมนุษย์อยู่หนาแน่น เช่น บริเวณโต๊ะทำงาน)
สรุปแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณ
- เลือกเครื่อง RFID ที่ทำงานที่ความถี่ 920-925 MHz
- ใช้กำลังส่ง ไม่เกิน 50 mW e.i.r.p. เพื่อหลีกเลี่ยงการขอใบอนุญาต
- ต้องมีการ แสดง SDoC ของเครื่องเพื่อแสดงว่าสอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนด
- ต้องออกแบบวางตำแหน่งและกำลังส่งให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานในอาคาร